โขดหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางเข้าสวนธรรมเภรี
สวนธรรมเภรี เป็นอีกหนึ่งสับปายะสถาน ที่ทางทีปภาวันธรรมสถาน ได้สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรมะภาคจิตภาวนาสำหรับประชาชน และเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมที่ทีปภาวันธรรมสถานได้สถานที่ฝึกอบรมที่มีบรรยากาศเอื้ออำนวยให้เกิดความก้าวหน้าในการปฏิบัติ
มุมมองจากสวนธรรมเภรี ที่เห็นอยู่ไกลออกไปคือเกาะแตน
สวนธรรมเภรี ตั้งอยู่บนเขาป้อม บนพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล ๔๗๐ เมตร อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางและจุดสูงที่สุดของเกาะประมาณ ๒ กิโลเมตร สามารถมองทิวทัศน์ได้ไกลรอบด้าน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ด้านทิศใต้ ซึ่งมีรัศมีการมองเห็นเปิดกว้างที่สุด สามารถมองเห็นเกาะแตนที่อยู่ถัดจากเกาะสมุยออกไปอย่างชัดเจน
โขดหินภูเขารูปทรงต่างๆ ตั้งอยู่อย่างได้ส่วนได้มุม
พื้นที่บริเวณสวนธรรมเภรี ประกอบด้วยประติมากรรมหินภูเขาธรรมชาติ ขนาดและรูปร่างต่างๆ บริเวณพื้นราบ มีกลุ่มต้นทุ้งฟ้า (เป็นสำเนียงใต้ร่นมาจาก กระทุ้งฟ้า หมายถึงสูงพุ่งขึ้นฟ้า) ต้นไม้พื้นถิ่น สูงปกคลุมทั่วบริเวณ แต่ไม่หนาแน่นจนเกินไป ทำให้สามารถวางระยะห่าง ของฐานที่นั่งสมาธิภาวนาแต่ละฐานได้พอดี อีกทั้งความสูงชะลูดของต้นทุ้งฟ้าแต่ละต้น ทำให้ลมพัดผ่านเข้ามาได้ทุกทิศ ผู้ปฏิบัติจึงสามารถสัมผัสกับความเย็นและสดชื่น จากสายลมที่พัดมากระทบกายขณะนั่งฝึกสมาธิ ซึ่งสามารถสร้างความผ่อนคลายให้กับกายและจิต อันเป็นพื้นฐานทางอารมณ์ที่สำคัญของการฝึกสมาธิ
ภาพมุมไกล ขณะผู้เข้ารับการอบรม กำลังนั่งสมาธิภาวนา
ท่ามกลางกลุ่มต้นทุ้งฟ้า
ปัจจุบัน สวนธรรมเภรี นอกจากเป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับฝึกอบรมจิตภาวนา สำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ทีปภาวันธรรมสถาน ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศแล้ว ทุกวันอาทิตย์ที่ ๑ และที่ ๓ ของเดือน คณะครูจากโรงเรียนหลายโรงเรียน ทั่วเกาะสมุย ยังได้นำนักเรียนเยาวชนรุ่นเล็ก ระดับประถมศึกษา ขึ้นมารับการอบรมศีลธรรม ภาคจิตภาวนาเบื้องต้น
บรรยากาศขณะฝึกอบรม ณ สวนธรรมเภรี ท่ามกลางบรรยากาศ
สวนป่า สายลม แสงแดด แมกไม้
ผู้ปฏิบัติ เลือกมุมสงบสบายตามอัธยาศัย
ด้วยเหตุนี้ ธรรมเภรี จึงมีบทบาทอีกอย่างหนึ่ง ในการเป็นแหล่งเสริมภูมิคุ้มกันทางจิตวิญญาณ ให้เด็กๆเหล่านี้ ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ของสังคม ได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ มีแรงต้านทาน ต่อสิ่งยั่วยุรอบด้านที่จะชักนำชีวิตไปสู่มุมมืด
ผู้เข้าคอร์สภาวนา หาสุขได้จากทุกข์ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับหลวงพ่อ
ธรรมเภรี หมายถึง กลองแห่งพระธรรม เป็นกลองที่กำลังลั่นเสียงแห่งธรรมะของพระพุทธองค์ ให้ดังระบือไกลไพศาลไปทั่วทุกทิศานุทิศ หากผู้ได้ยินเสียงแห่งธรรมนั้น เงี่ยโสตสดับจับใจความ แล้วน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติตาม ชีวิตก็จะได้พบกับที่พึ่งอันเป็นแก่นสาร ไม่ฉาบฉวยชั่วคราว เหมือนมายาทั้งหลายที่กำลังลวงใจไว้กับความทุกข์
ในวันที่ไม่มีการจัดการอบรม บรรยากาศแห่งสวนธรรมเภรีอาจจะดูเงียบงัน แต่ธรรมเภรีก็ยังคงลั่นเสียงแห่งธรรม ให้อาคันตุกะผู้สัญจรผ่านและเข้าไปเยี่ยมชมได้รับฟัง จากต้นทุ้งฟ้าที่รับหน้าที่ป่าวประกาศอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น